ฮิโนกิ ไม้กลิ่นหอมสุดขลังจากแดนอาทิตย์อุทัย

เคยสังเกตไหมว่าทำไมปราสาท วัง และวัดต่างๆ ในประเทศญี่ปุ่น จึงมีอายุเก่าแก่ยาวนานเป็นพันปี และดูเหมือนว่าส่วนต่างๆ ของอาคารจะอยู่ครบและดูสมบูรณ์ได้อย่างไม่น่าเชื่ออีกด้วย ซึ่งเหตุผลหนึ่งก็คือการบูรณะซ่อมแซมอยู่ตลอดเวลา แต่สิ่งสำคัญจริงๆ เลยก็คือการคัดสรรวัสดุ และเทคนิคที่พิถีพิถันตั้งแต่อดีต จนทำให้เราได้ชื่นชมมาถึงปัจจุบันนั่นเอง

หนึ่งในตัวช่วยที่ทำให้อาคารสำคัญในญี่ปุ่นมีความคงทน และสวยงามก็คือ ไม้ฮิโนกิ ซึ่งเป็นไม้ที่ใช้กันมาอย่างยาวนานนับพันปี ถึงแม้จะเป็นไม้เนื้ออ่อน แต่ด้วยคุณสมบัติของของไม้ที่ทั้งลวดลายสวยงาม แข็งแรง ทานทานต่อปลวก และแมลง แถมยังมีกลิ่นสดชื่นฟุ้งกระจายไปทั่วอาคารอีกด้วย ในวันนี้ Materials Room จึงได้มีโอกาสคุยกับ Timbercharm ผู้เชี่ยวชาญเรื่องไม้ญี่ปุ่น ได้มาเล่าถ่ายทอดถึงเรื่องราวของไม้ชนิดนี้กัน

ไม้ฮิโนกิเจริญเติบโตได้ดีในเขตอากาศหนาว

ไม้ฮิโนกิ (Hinoki) หรือ Hinoki Cypress เป็นไม้สนไซเปรสสายพันธุ์ญี่ปุ่น เนื้ออ่อน มีถิ่นกำเนิดตอนกลางของประเทศญี่ปุ่น และเจริญเติบโตได้ดีในเขตอากาศหนาว หรือสูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 800 เมตรขึ้นไป คำว่าฮิโนกิ แปลว่า ไม้แห่งไฟ หรือ ไม้อันศักดิ์สิทธิ์หากยาก ที่เหล่าจักรพรรดิ หรือโชกุน มักนำมาใช้สร้างปราสาท พระราชวัง วัดหลวง ศาลเจ้า และทำพิธีจุดไฟบูชาในพิธีกรรมสำคัญต่างๆ มานับ 1,000 ปี เนื่องจากว่าไม้ชนิดนี้มีลักษณะพิเศษที่ให้สีชมพู อมน้ำตาล และเหลือง ผิวสัมผัสเรียบเนียนคล้ายผิวหญิงสาว

รวมไปถึงยังมีกลิ่นละมุนหอมเนื้อไม้ หรือกลิ่นอโรมาเธอราพี (Aromatherapy) ที่มีสารประกอบ Hinokitol, Rhodinic Acid และ Phytoncide ซึ่งเป็นคุณสมบัติในการรักษาเชื้อราในลำต้นตามธรรมชาติ ในขณะเดียวกันก็ช่วยบำบัดร่างกาย และจิตของมนุษย์ได้ไม่ว่าจะเป็น การทำให้สมองปลอดโปร่ง ลดความเครียดบำบัดอาการเมื่อยล้า กระตุ้นการหมุนเวียนโลหิต และรักษาระบบทางเดินหายใจ  

ไม้ฮิโนกิจัดว่าเป็นไม้เนื้ออ่อน ประเภทสนที่ให้ความแข็งแรงเป็นอันดับหนึ่งหากเทียบกับไม้ฮิโนกิในประเทศอื่นๆ รวมไปถึงน้ำมันที่อยู่ในเนื้อไม้สามารถต้านทาน รา ปลวก มด และแมลงต่างๆ ได้เป็นอย่างดี ประเทศญี่ปุ่นจึงนิยมนำไม้มาแปรรูปเป็นโครงสร้างอาคาร พื้น และผนังทั้งภายนอกและภายในของอาคาร รวมไปถึงเฟอร์นิเจอร์ก็สามารถทำได้เช่นกัน 

เพราะลวดลายที่สวยงามจึงไม่นิยมนำมาเผา

ไม้ญี่ปุ่นที่มักจะนำมาเผาเพื่อให้เกิดลวดลาย เป็นสีดำดูดิบเท่สวยงามคือไม้ประเภท สุกิ (SUGI) ที่จะให้ลวดลายของเนื้อไม้เจนคล้ายกับเกร็ดของงู ซึ่งแตกต่างจากไม้ฮิโนกิที่ไม่นิยมนำมาเผา เพราะลวดลายที่ได้ออกมาจะดูไม่ชัดเจนเท่าไม้สุกิ แถมยังไม่สวยงามเท่ากับลวดลายเส้นตรง และเส้นนอน ตามธรรมชาติของไม้เอง รวมไปถึงลวดลายเหล่านี้ยังสื่อถึงนิกายเซนของพุทธศาสนาในประเทศญี่ปุ่นอีกด้วย

ไม้ต้องมีความชื้น 15 เปอร์เซ็นต์ถึงจะนำเอามาใชงานในประเทศไทยได้

ไม้เนื้อฮิโนกิในตามธรรมชาติจะเป็นไม้ที่น้ำซึมเข้าได้ง่าย แต่จะถูกขับออกมาได้ง่ายเช่นเดียวกัน ส่งผลให้ตัวไม้มีความแห้งในระดับที่มากกว่าไม้ประเภทอื่นๆ เมื่อทำการตัดเป็นท่อนซุงแล้วจะนำมาตากแดดไว้ เป็นระยะเวลา 4-6 อาทิตย์ หรือยาวนานเป็นปีขึ้นอยู่กับชนิดของเนื้อไม้ เพื่อให้ไม้มีความชื้นในระดับ 18 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งในประเทศญี่ปุ่นความชื้นระดับนี้ก็สามารถนำไปใช้งานได้แล้ว แต่ในประเทศไทยด้วยสภาพอากาศที่มีความชื้นสูงกว่า จึงต้องทำการอบแห้งเพิ่มเติม เพื่อให้ไม้ได้ความชื้นในระดับ 15 เปอร์เซ็นต์จึงจะสามารถนำไปใช้งานได้

ติดตั้งแบบไหนไม้ก็ไม่บิดงอ

ด้วยการเจริญเติบโตของไม้อย่างรวดเร็ว และมีลายไม้เป็นเส้นตรง ทำให้ไม้ฮิโนกิไม่เกิดการบิดตัว มีน้ำหนักเบา มีเพียงแค่การหด และขยายตัวเหมือนกับไม้ทั่วๆ ไปเท่านั้น ซึ่งทำให้การติดตั้งทำได้ง่ายกว่า เพียงแค่ประกอบด้วยรางลิ้น จากนั้นจึงทำการยึดด้วยตะปู หรือ สกรู ลงไปที่ด้านข้างของไม้ เพื่อให้เกิดความเนี้ยบ สวยงาม และดูแลรักษาง่าย ซึ่งเป็นเทคนิควิธีเดียวกับช่างญี่ปุ่น

คนญี่ปุ่นไม่นิยมสารเคลือบไม้ฮิโนกิ

สาเหตุที่ไม้ฮิโนกิไม่นิยมสารเคลือบก็เพราะ สารเคลือบจะไปดับกลิ่นของเนื้อไม้ และเปลี่ยนสีของสีไม้อมชมพู อมน้ำตาล และเหลือง ให้ออกมาดูไม่สวยงามตามธรรมชาติ ซึ่งหากไม่ใช้สารเคลือบไม้ชนิดนี้จะเกิดความพิเศษ ก็คือในช่วง 1-2 ปีแรกไม้จะเริ่มเป็นสีเทา หลังจากนั้นจะค่อยๆ เริ่มเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลอมเทาซึ่งเป็นสีสันที่สวยงาม ที่ให้บรรยากาศเหมือนกับปราสาท หรือพระราชวังในญี่ปุ่นเลยก็ว่าได้ นอกจากนี้ตัวไม้ยังเกิดจุดราสีดำ ซึ่งเป็นไฮไลท์ของไม้ทุกชนิดเลยก็ว่าได้ เพราะไม่ทำอันตรายต่อสุขภาพ แถมยังเป็นตัวบ่งบอกความเป็นธรรมชาติที่ผ่านกาลเวลาได้เป็นอย่างดีอีกด้วย

ไม่ได้แพงอย่างที่คิด ราคาเริ่มต้นที่ 1,950 บาท /แผ่น

ไม้ฮิโนกิอัดราคาอยู่ที่ 1,950 บาท / แผ่น

ไม้ฮิโนกิปูสำหรับปูพื้นภายนอกราคาอยู่ที่ 3,250 บาท / ต่อตารางเมตร

ไม้ฮิโนกิสำหรับปูภายในราคาจะอยู่ 4,900 บาท /ตารางเมตร  

ทั้งนี้ควรตรวจสอบราคาของวัสดุจากผู้จำหน่ายอีกครั้ง

ลวดลายของไม้จะถูกแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ แบบชนิดมีตาจะนำไปใช้ทำโครงสร้าง และชนิดแบบไม่มีตาจะนำไปใช้ปูพื้น หรือกรุผนังต่างๆ

ข้อควรระวังของการเลือกซื้อไมฮิโนกิ เนื่องจากไม้โลงเลง ในประเทศลาวจะมีความคล้ายคลึงกันเป็นอย่างมาก แต่จะแตกต่างตรงที่กลิ่น และเป็นไม้ประเภทที่ปลวก และแมลงต่างๆ ขึ้นได้ง่าย

Timbercharm แบรนด์ที่ทดลองกับไม้ญี่ปุ่นมาแล้วทุกชนิด

Timbercharm ก่อตั้งขึ้นโดย ภาณุวัฒน์ ว.เพียรพิทย์ ผู้อยู่ในวงการสถาปนิก และผลิตภัณฑ์ประกอบอาคารมานับ 10 ปี คนที่ชื่นชอบธรรมชาติ และต้องการความแตกต่างที่ประเทศไทยยังไม่มี จึงได้สรรหาวัสดุประกอบอาคารจากประเทศญี่ปุ่น ได้แก่ ไม้ฮิโนกิ และสุกิ ที่ต้องการจะนำเสนอเสน่ห์ และความอัศจรรย์ของไม้ให้กับเหล่าสถาปนิก และนักออกแบบได้สร้างสรรค์ และยกระดับคุณภาพงานออกแบบให้ดียิ่งขึ้น

สำหรับผู้ที่สนใจไม่ต้องบินไปไกลถึงญี่ปุ่นแล้ว เพราะมีคนไทยได้นำเข้าไม้ฮิโนกิเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สามารถติดต่อได้ที่ https://www.facebook.com/timbercharm  หรือโทร 094 993 5464

More MATERIALS