จากขยะพลาสติกเปลี่ยนให้กลายเป็น ‘วัสดุทดแทนไม้’

ไม้ธรรมชาติและเหล็กแพงมากใช่ไหม ! ในปัจจุบันวัสดุไม้จากธรรมชาติ และเหล็ก เป็นที่ต้องการในอุตสาหกรรมการก่อสร้างเป็นอย่างมาก แต่ด้วยทรัพยากรธรรมชาติอย่างป่าไม้ และพลังงานที่เริ่มลดน้อยลงทุกวัน รวมไปถึงสถานการณ์โรคร้าย จึงทำให้วัสดุเหล่านี้มีทีท่าว่าราคาจะสูงขึ้นไปเรื่อย ๆ

จากปัญหาข้างต้นนี้ จึงเกิดผู้ผลิต และนักพัฒนาวัสดุทดแทนกันอย่างมากมาย และหนึ่งในผู้พัฒนาวัสดุทดแทนที่น่าสนใจก็คือ maxiswood พวกเราได้มีโอกาสพูดคุยกับแบรนด์เกี่ยวกับวัสดุไม้เทียม หลังคาจากเทียม และวัสดุพอลิเมอร์ทดแทนเหล็กเส้น ที่พวกเขาได้พัฒนาวัสดุทดแทนเหล่านี้ให้มีผิวสัมผัสเป็นธรรมชาติ มีความแข็งแรงทนทาน ไม่ลามไฟ วัสดุข้างต้นนี้จะมีหน้าตา และคุณสมบัติน่าสนใจมากน้อยแค่ไหนไปติดตามกัน

ไม้เทียมที่ทำจากวัสดุรีไซเคิล 90 %

นวัตกรรมวัสดุทดแทนไม้ ที่ผลิตด้วยขยะรีไซเคิล ผ่านเทคโนโลยีที่ทันสมัยที่ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม เพื่อให้ผิวสัมผัส สีสัน และลวดลายเหมือนไม้จริงมากที่สุด รวมไปถึงยังทนต่อสภาพแวดล้อมทางอากาศ ไม่แตกกรอบ บิดงอง่าย หมดปัญหาเรื่อง ปลวก มอด และแมลง รวมไปถึงยังเป็นวัสดุที่ไม่ลามไฟอีกด้วย เหมาะสำหรับงานตกแต่งฝ้าเพดาน ผนัง ระแนง ทั้งภายนอกและภายใน

ติดตั้งด้วยระบบซ่อนหัวสกรู

ตัวไม้ถูกออกแบบให้ติดตั้งง่าย รวดเร็วด้วยระบบซ่อนหัวสกรู พร้อมอุปกรณ์เก็บงานในการเข้ามุม 45 องศา หรือการจบงานบริเวณเชิงชาย และผนังอาคาร สามารถใช้ประกอบกับระบบโครงฝ้า C-line ทั่วไป ที่ให้น้ำหนักเพียง 4 กิโลกรัม ต่อตารางเมตร

จากเทียมทนทานต่อการลามไฟ และไม่หลุดร่วงง่าย

เมื่อพัฒนาไม้เทียมมาได้สักระยะทางแบรนด์ก็ได้คิดค้นจากเทียมสำหรับปูบนหลังคารีสอร์ท โรงแรม หรือบ้านพักตากอากาศ ตัวใบจากเทียมมีความสวยงามเหมาะสำหรับการตกแต่งสถาปัตยกรรมแนวร่วมสมัย หรือพื้นถิ่น มีความคงทน ไม่แตก ผุ หรือหลุดร่วงเหมือนวัสดุจริง และยังปราศจากการปัญหาของปลวก มอด และแมลง นอกจากนี้ยังกันน้ำได้ 100% เนื่องจากวัสดุผลิตด้วยพลาสติก HDPE (High Density Polyethylene) หรือบรรจุภัณฑ์ที่ใส่น้ำยาซัก-ล้าง ไม่ว่าจะเป็นหลังคาประเภทใดก็สามารถติดตั้งได้ง่าย เพราะวัสดุมีความยืดหยุ่นสูง ทนทานต่อแรงลม หลังคาใบจากเทียมมีให้เลือก 2 รุ่น ได้ แก่ รุ่น PALM THATCH และรุ่น BALI THATCH

ติดตั้งด้วยสกรู และมีราคาต่อชิ้น 100-150 บาท

ก่อนติดตั้งหลังคาจากเทียมควรออกแบบ หรือ ตรวจสอบโครงสร้างให้มีความลาดเอียงมากกว่า 20 องศา ตามด้วยการ ปูแผ่น OSB Board ลงบนโครงสร้างหลังคา และวางแผ่น water proof membrane จากนั้นจึง ติดตั้ง maxis THATCH ด้วยสกรู stainless ในระยะ 20-25 เซนติเมตร 1 ตารางเมตรใช้จากเทียมแค่ 6-10 แผ่น ขึ้นอยู่กับโครงสร้างของอาคารแต่ละประเภท ราคาอยู่ที่ 100 – 150 บาท/1 ชิ้น รับประกันวัสดุ 20 ปี

Maxis Fibre-Rebar วัสดุทดแทนเหล็กเส้น

ด้วยราคาเหล็กที่พุ่งสูงขึ้นในช่วงโควิด -19 ที่ผ่านมา จากการใช้พลังงานในการหลอมเหล็กที่สูง และแรงงานที่ต้องพักรักษาตัว Maxis Fibre-Rebar วัสดุพอลิเมอร์เสริมเส้นใย จึงช่วยเข้ามาตอบโจทย์ในวงการก่อสร้างมากขึ้น เพราะวัสดุราคาถูก ไม่เป็นสนิม ทนการกัดกร่อนสูง น้ำหนักเบา รับแรงได้ดีกว่าเหล็กเส้นแบบทั่วไป ผลิตได้ตามความยาวที่ต้องการ ด้วยกระบวนการผลิตที่ใช้พลังงาน 1 ใน 4 เมื่อเทียบกับเหล็กจริง จึงเป็นอีกวัสดุที่ช่วยรักษ์โลกมากยิ่งขึ้น Maxis Fibre-Rebar เหมาะกับใช้สร้างโรงงาน พื้น ถนน กำแพงดิน อุโมงค์ แต่ยังไม่เหมาะกับทำอาคาร เพราะเมื่ออาคารเกิดอัคคีภัยตัว Maxis Fibre-Rebar มีจุดหลอมเหลวต่ำ ทำให้อาคารทรุดตัวได้ไวกว่าเหล็กเส้น

Maxis Fibre-Rebar วัสดุทดแทนเหล็กเส้น

เนื่องจากเหล็กเส้นส่วนใหญ่จำหน่ายเป็นกิโลกกรัม แต่ Maxis Fibre-Rebar จำหน่ายตามขนาดความยาว ซึ่งเมื่อเทียบกับขนาดของเหล็กเส้น Maxis Fibre-Rebar มีขนาดที่เล็กกว่า แต่รับแรงได้ดีกว่า จึงทำให้มีราคาถูกลง ซึ่งราคาต่อเส้นอยู่ในราคาแค่หลักหน่วยเท่านั้น แต่มีข้อเสียตรงที่วัสดุต้องพับงอจากที่โรงงาน ไม่สามารถพับที่หน้างานได้

Maxiswood สถาปนิกผู้คิดค้นวัสดุทดแทนธรรมชาติ

“แนวคิดสำคัญในการคิดค้นไม้เทียม คือเรื่องของความเหมือนไม้จริงในธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นรายละเอียดสีและผิวสัมผัส รวมไปถึงเมื่อมองด้วยสายตาก็ต้องให้ความรู้สึกที่เหมือนจริง ในช่วงเริ่มต้นแบรนด์ใหม่ๆ ไม้เทียมทั่วโลกยังมีคุณภาพที่ไม่ได้มาตรฐาน ตัวไม้มักจะบิด โก่ง สีซีด ในปีแรกเราจึงเริ่มคิดค้นพัฒนาวัสดุให้ดีขึ้นในทุกๆ ปี จนเมื่อ 3 ปีก่อนได้แบรนด์เริ่มเน้นแนวคิดในการทำไม้เทียมจากขยะรีไซเคิลกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ ผ่านการผลิตแบบ OEM ซึ่งช่วยตอบโจทย์ในการใช้ภายนอก ดูเป็นธรรมชาติ และยังรักษ์โลกอีกด้วย”

More MATERIALS